การแช่น้ำพุร้อนเป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะน้ำแร่ธรรมชาติอุดมไปด้วยแร่ธาตุและมีอุณหภูมิที่เหมาะสม สามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อย คลายกล้ามเนื้อ และกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดได้เป็นอย่างดี เมื่อพูดถึงการแช่น้ำพุร้อนหลาย ๆ คนอาจนึกถึงออนเซ็นในญี่ปุ่น แต่ความจริงแล้วประเทศไทยก็มีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่สวยงามและมีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่แพ้กัน สำหรับใครที่อยากเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนในไทย ไปดูกันว่า 10 ที่เที่ยวน้ำพุร้อนทั่วไทยที่คุณไม่ควรพลาดกันมีที่ไหนกันบ้าง
1.บ่อน้ำพุร้อนหินดาด กาญจนบุรี
ที่เที่ยวน้ำพุร้อนที่อยากแนะนำคือ บ่อน้ำพุร้อนหินดาดเป็นแหล่งที่เที่ยวบ่อน้ำพุร้อนที่ซ่อนตัวอยู่ในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ท่ามกลางป่าเขาอันร่มรื่น ที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนขนาดกะทัดรัด 3 บ่อ แต่ละบ่อมีอุณหภูมิแตกต่างกันตั้งแต่ 45 ถึง 55 องศาเซลเซียส การแช่น้ำที่นี่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ ยังได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพของลำธารและเสียงน้ำไหล สร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่
2. บ่อน้ำแร่ร้อน วัดวังขนายทายิการาม กาญจนบุรี
มาต่อกันที่ที่เที่ยวน้ำพุร้อนบ่อน้ำแร่ร้อน วัดวังขนายทายิการาม สำหรับบ่อน้ำแร่ร้อนที่นี่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ เพราะโดยถูกค้นพบจากนิมิตของเจ้าอาวาสวัด ซึ่งน้ำแร่ที่นี่มีอุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส และอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ การแช่น้ำแร่ที่นี่ช่วยบรรเทาอาการเหน็บชา เพิ่มความแข็งแรงให้แขนขา ปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด และช่วยลดปัญหาสิวและฝ้า ทางวัดได้สร้างบ่อสำหรับอาบและแช่ตัวถึง 57 บ่อ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 06.00 – 18.00 นาฬิกา
3. บ่อน้ำแร่ส่วนตัว โฮมพุเตย ริเวอร์แคว รีสอร์ท (Home Phutoey River Kwai) กาญจนบุรี
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวน้ำพุร้อนที่มีความเป็นส่วนตัว เราขอแนะนำ โฮมพุเตย ริเวอร์แคว รีสอร์ท (Home Phutoey River Kwai) ที่นี่เป็นที่พักที่นี่มีบริการบ่อน้ำแร่ร้อนสำหรับผู้เข้าพักโดยเฉพาะ ในระหว่างที่แช่คุณจะได้ชมวิวแม่น้ำแควน้อย ที่ราบล้อมไปด้วยป่าไม้ที่มีความเขียวขจี นอกจากบ่อส่วนตัวแล้ว ที่โฮมพุเตย ริเวอร์แคว รีสอร์ท (Home Phutoey River Kwai) ยังมีสระน้ำแร่ร้อนธรรมชาติและอ่างน้ำร้อนแช่เท้า เปิดให้บริการในช่วงเช้าและเย็นอีกด้วย
4. น้ำพุร้อนสันกำแพง เชียงใหม่
น้ำพุร้อนสันกำแพงถือเป็นที่เที่ยวน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสวยงาม ห่างจากตัวเมืองประมาณหนึ่งชั่วโมง จุดเด่นของที่นี่คือบ่อต้มไข่ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 105 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำแร่ให้แช่เท้า สระน้ำแร่กลางแจ้ง ห้องแช่น้ำแร่ส่วนตัวและแบบรวม รวมถึงห้องอาบน้ำแร่ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกตามความต้องการ
5. บ่อน้ำพุร้อนฝาง เชียงใหม่
บ่อน้ำพุร้อนฝางตั้งอยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก แหล่งชมดอกพญาเสือโคร่งชื่อดัง ที่นี่มีที่เที่ยวน้ำพุร้อนมากกว่า 50 บ่อ กระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ อุณหภูมิของน้ำพุร้อนอยู่ที่ประมาณ 80-100 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมบ่อน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน และทดลองต้มไข่ในบ่อที่มีอุณหภูมิ 87 องศาเซลเซียสได้ นอกจากนี้ยังมีบริการบ่อแช่น้ำแร่แบบส่วนตัว ทำให้บ่อน้ำพุร้อนฝางเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์แช่น้ำพุร้อนท่ามกลางธรรมชาติ
6. น้ำพุร้อนไทรงาม แม่ฮ่องสอน
น้ำพุร้อนไทรงามตั้งอยู่ในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากตัวอำเภอปายประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นที่เที่ยวน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาเองท่ามกลางป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ จุดเด่นของที่นี่คือน้ำใสสะอาดสีเขียวมรกต และอุณหภูมิของน้ำที่อุ่นพอดี ไม่ร้อนจนเกินไป ทำให้เป็นบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแช่เพื่อผ่อนคลาย บริเวณโดยรอบยังมีทัศนียภาพที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนและสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
7. น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ลำปาง
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนเป็นที่เที่ยวน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีความสวยงาม ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ประกอบด้วยบ่อน้ำร้อน 9 บ่อ ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 73-100 องศาเซลเซียส เมื่อไอน้ำร้อนลอยขึ้นมาจากบ่อ ผสมกับแสงแดดที่ส่องกระทบ ทำให้น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสวยงาม นอกจากการแช่น้ำพุร้อนแล้ว นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนยังเตรียมไข่มาต้ม พร้อมล้อมวงปิกนิกกันอย่างสบายใจ
8. น้ำพุร้อนบ้านสมอทอง อุทัยธานี
น้ำพุร้อนบ้านสมอทองตั้งอยู่ในตำบลทองหลาง อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี เป็นที่เที่ยวน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส ที่นี่มีบริการหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ่อแช่เท้า บ่อแช่น้ำร้อนสำหรับเด็ก ห้องอาบน้ำ ห้องพัก ลานกางเต็นท์ และบริการนวดแช่น้ำร้อนแบบส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินอีกด้วย
9. ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ราชบุรี
ธารน้ำร้อนบ่อคลึงเป็นที่เที่ยวน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 2 ชั่วโมง ทำให้เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด ที่นี่มีบ่อน้ำร้อนให้บริการ 3 แบบ ได้แก่ สระดินที่มีธารน้ำร้อนไหลลงมาโดยตรง อุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส สระกระเบื้องที่มีอุณหภูมิสูงกว่าที่ 55 องศาเซลเซียส และบ่อแช่เท้าฟรี 2 จุด ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกแช่ได้ตามความชอบ สำหรับใครที่อยากแวะมาเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็สามารถมาได้ง่าย ๆ เพราะใกล้กรุงเทพ
10. สวนสาธารณะรักษะวาริน ระนอง
บ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวารินเป็นเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงของจังหวัดระนอง ประกอบด้วยบ่อน้ำร้อน 3 บ่อ ได้แก่ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก ทั้งสามบ่อมีอุณหภูมิสูงถึง 65 องศาเซลเซียส น้ำแร่ที่นี่สามารถใช้ดื่มและอาบได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่การบำบัดรักษาสุขภาพ นอกจากการแช่น้ำพุร้อนแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเล่นในสวนสาธารณะที่ร่มรื่น ชมธรรมชาติโดยรอบ ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและฟื้นฟูสุขภาพไปพร้อม ๆ กัน
สรุป
ประเทศไทยมีแหล่งเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค แต่ละแห่งมีเอกลักษณ์และความน่าสนใจแตกต่างกันไป การแช่น้ำพุร้อนนั้นมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ทั้งช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสัมผัสประสบการณ์แช่น้ำพุร้อน สามารถเลือกไปที่เที่ยวน้ำพุร้อนที่ได้แนะนำไว้ข้างต้นได้
แต่หากต้องการที่พักธรรมชาติกาญจนบุรีที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น การเข้าพักรีสอร์ทสไตล์แคมป์ปิ้ง กาญจนบุรี หินตก ริเวอร์แคมป์ ณ ช่องเขาขาด (Hintok River Camp @ Hellfire Pass) รีสอร์ทที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการออกแบบที่เน้นความเป็นธรรมชาติ แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง